วันพฤหัสบดีที่ 22 ตุลาคม พ.ศ. 2563

บทที่ 1 ความปลอดภัยและทักษะในการปฏิบัติการเคมี

1.1 ความปลอดภัยในการทำงานกับเคมี

1.1.1 ประเภทของสารเคมี 
สารเคมีมีหลายประเภท แต่ละประเภทมีสมบัติต่างกัน สารเคมีจึงจำเป็นต้องมีฉลากที่มีข้อมูลเกี่ยวกับความเป็นอันตรายของตัวมันเองเพื่อความปลอดภัยในการจัดเก็บ การนำไปใช้ และการกำจัด โดยฉลากควรมีข้อมูลดังนี้
  1. ชื่อผลิตภัณฑ์ 
  2. รูปสัญลักษณ์ แสดงความเป็นอัตรายของสารเคมี
  3. คำเตือน ข้อมูลความเป็นอันตราย และข้อควรระวัง
  4. ข้อมูลของบริษัทผู้ผลิตสารเคมี

https://www.google.com/url

สัญลักษณ์แสดงความเป็นอันตราย
ที่มา http://thn25506ch.blogspot.com/p/1.html

1.1.2 ข้อควรปฏิบัติในการทำปฏิบัติการเคมี
    ก่อนทำปฏิบัติการ

    1) ศึกษาขั้นตอนหรือวิธีการทำปฏิบัติการให้เข้าใจ วางแผนการทดลอง หากมีข้อสงสัยให้สอบถามก่อนทดลอง
    2) ศึกษาข้อมูลของสารที่ใช้ทดลอง เทคนิคการใช้เครื่องมือ วัสดุอุปกรณ์รวมถึงวิธีการทดลองที่ถูกต้อง
    3) แต่งกายให้เหมาะสม 

    ขณะปฏิบัติการ

    1) ข้อปฏิบัติโดยทั่วไป
       1.1 สวมแว่นตานิรภัย ติดกระดุมเสื้อคลุมทุกเม็ด สวมถุงมือเมื่อใช้สารกัดกร่อนหรือสารอันตราย สวมผ้าปิดปากเมื่อใช้สารเคมีที่มีไอระเหย และทำการปฏิบัติการในที่ซึ่งอากาศถ่ายเทหรือในตู้ดูดควัน
       1.2 ห้ามรับประทานอาหารและเครื่องดื่มหรือทำกิจกรรมอื่นๆที่ไม่เกี่ยวข้องกับการปฏิบัติการ
       1.3 ไม่ทำการทดลองตามลำพัง
       1.4 ไม่เล่นและไม่รบกวนผู้อื่นขณะทำการปฏิบัติการ
       1.5 ทำตามขั้นตอนและวิธีการอย่างเคร่งครัด
       1.6 ไม่ปล่อยให้อุปกรณ์ให้ความร้อนทำงานโดยไม่มีคนดูแล
   
   2) ข้อปฏิบัติในการใช้สารเคมี
       2.1 อ่านชื่อสารเคมีบนฉลากให้แน่ใจก่อนใช้
       2.2 เคลื่อนย้าย แบ่ง ถ่ายเท สารเคมีด้วยความระมัดระวัง
       2.3 หันปากหลอดทดลองออกจากตัวเองและผู้อื่นเสมอ
       2.4 ห้ามชิมหรือสูดดมสารเคมีโดยตรง
       2.5 การเจือจางกรด ให้เทกรดลงน้ำ
       2.6 ไม่เทสารเคมีที่เหลือจากการเทหรือตักออกจากขวดลงขวดเดิมโดยเด็ดขาด
       2.7 เมื่อสารเคมีหกเล็กน้อยให้กวาดหรือเช็ดแต่ถ้าหกมากให้แจ้งครูผู้สอน

 1.1.3 การกำจัดสารเคมี 

    1) สารเคมีที่ละลายน้ำได้และมี pH เป็นกลาง ปริมาณไม่เกิน 1 ลิตรสามารถเททิ้งลงอ่างน้ำได้
    2) สารละลายเข้มข้นบางชนิดควรเจือจางก่อนเทลงอ่างน้ำ ถ้าปริมาณมากต้องทำให้เป็นกลางก่อน
    3) สารที่เป็ของแข็งไม่อันตรายไม่เกิน 1 กิโลกรัม สามารถใส่ภาชนะปิดมิดติดฉลากให้ชัดเจนและทิ้งในที่ซึ่งเตรียมไว้ได้เลย
    4) สารไวไฟ ตัวทำลำลายไม่ละลายน้ำ สารประกอบของโลหะเป็นพิษหรือสารที่ทำปฏิกิริยากับน้ำห้ามทิ้งลงอ่างน้ำ

1.2 อุบัติเหตุจากสารเคมี

การปฐมพยาบาลเมื่อร่างกายสัมผัสสารเคมี
  1. ถอดเสื้อผ้าที่เปื้อนสารเคมีออกและซับสารออกจากร่างกายให้มากที่สุด
  2. กรณีที่สารเคมีละลายน้ำได้ให้ล้างออกโดยให้น้ำไหลผ่านมากๆ
  3. กรณีที่สารเคมีไม่ละลายน้ำให้ล้างด้วยน้ำสบู่
  4. หกทราบว่าสารที่โดนตัวคือสารอะไรให้ปฏิบัติตามข้อกำหนดในเอกสารความปลอดภัย
กรณีที่ร่างกายสัมผัสกับสารเคมีในปริมาณมากหรือความเข้มข้นสูงให้ปฐมพยาบาลแล้วนำส่งแพทย์

    การปฐมพยาบาลเมื่อสารเคมีเข้าตา

      ล้างตาโดยการเปิดน้ำเบาๆไหลผ่านดั้งให้น้ำไหลผ่านเข้าตาข้างที่ดดนสารเคมี พยายามลืมตาและกรอกตาในน้ำอย่างน้อย 10 นาทีหรือจนกว่าจะแน่ใจว่าชะสารออกหมดแล้ว ระวังไม่ให้น้ำเข้าตาอีกข้างแล้วนำส่งแพทย์ทันที

    การปฐมพยาบาลเมื่อสูดดมแก๊สพิษ 
  1. รีบออกจากบริเวณทีี่มีแก๊สพิษเกิดขึ้น
  2. รีบเคลื่อนย้ายผู้ที่หมดสติออกจากบริเวณโดยผู้ช่วยเหลือต้องสวมอุปกรณ์ป้องกันให้เหมาะสม
  3. ปลดเสื้อผ้าให้ผู้ประสบอุบัติเหตุหายใจสะดวกขึ้น หากหมดสติให้จับนอนคว่ำและตะแคงหน้าไปทางใดทางหนึ่ง
  4. สังเกตการเต้นของหัวใจและการหายใจ หากหยุดหายใจให้ผายปอดแต่ไม่ควรใช้วิธีเป่าปากและนำส่งแพทย์
    การปฐมพยาบาลเมื่อโดนความร้อน

      แช่น้ำเย็นหรือปิดแผลด้วยผ้าชุบน้ำจนหายแสบร้อน ทายาขี้ผึ้งสำหรับไฟไหม้และน้ำร้อนลวกแล้วนำส่งแพทย์

กรณีที่สารเคมีเข้าปากให้ปฏิบัติตามคำแนะนำตามเอกสารความปลอดภัยแล้วนำส่งแพทย์ทุกกรณี

https://tosh.or.th/

1.3 การวัดปริมาณสาร

ในการปฏิบัติการเคมีจำเป็นต้องมีการชั่ง ตวง วัดปริมาณสาร ซึ่งมีความคลาดเคลื่อนที่อาจเกิดจากอุปกรณืที่ใช้ หรือผู้ทำปฏิบัติการ ที่จะส่งผลให้การทดลองที่ได้มีค่าต่างจากค่าจริง
    ความน่าเชื่อถือของข้อมูล พิจารณาได้จากความเที่ยงและความแม่นของข้อมูล คือความใกล้เคียงกันของค่าที่ได้จากการวัดซ้ำและความใกล้เคียงจากการวัดซ้ำเทียบกับค่าจริง โดยขึ้นอยู่กับทักษะของผู้ที่ทำการวัดและความละเอียดของอุปกรณ์ที่ใช้

    1.3.1 อุปกรณ์วัดปริมาตร
    บีกเกอร์ (beaker) - เป็นทรงกระบอกปากกว้าง มีขีดบอกปริมาตรในระดับมิลลิลิตร มีหลายขนาด
ในการปฏิบัติการเคมีจำเป็นต้องมีการชั่ง ตวง วัดปริมาณสาร ซึ่งมีความคลาดเคลื่อนที่อาจเกิดจากอุปกรณืที่ใช้ หรือผู้ทำปฏิบัติการ ที่จะส่งผลให้การทดลองที่ได้มีค่าต่างจากค่าจริง
    ความน่าเชื่อถือของข้อมูล พิจารณาได้จากความเที่ยงและความแม่นของข้อมูล คือความใกล้เคียงกันของค่าที่ได้จากการวัดซ้ำและความใกล้เคียงจากการวัดซ้ำเทียบกับค่าจริง โดยขึ้นอยู่กับทักษะของผู้ที่ทำการวัดและความละเอียดของอุปกรณ์ที่ใช้

https://www.labvalley.com/

 ขวดรูปกรวย (erlenmeyer flask) - คล้ายผลชมพู่ มีขีดบอกปริมาตรในระดับมิลลิลิตร มีหลายขนาด

https://www.labsps.com/


กระบอกตวง (measuring cylinder) - ทรงกระบอก มีขีดบอกปริมาตรในระดับมิลลิลิตร มีหลายขนาด

http://www.labsister.com/

ปิเปตต์ (pipette) - เป็นอุปกรณ์วัดปริมาตรที่มีความแม่นสูง ใช้สำหรับถ่ายเทของเหลว มี 2 แบบ คือ แบบปริมาตรซึ่งมีกระเปาะตรงกลาง  มีขีดบอกปริมาตรเพียงค่าเดียวและแบบใช้ตวง มีขีดบอกปริมาตรหลายค่า

https://www.lazada.co.th/

บิวเรตต์ (burette) - เป็นอุปกรณ์สำหรับถ่ายเทของเหลวในปริมาตรต่างๆตามต้องการ ลักษณะเป็นทรงกระบอกยาวที่มีขีดบอกปริมาตร และมีอุปกรณ์ควบคุมการไหลของของเหลวที่เรียกว่า ก๊อกปิดเปิด 

https://www.scitrader.co.th/

ขวดกำหนดปริมาตร (volumetric flask) - เป็นอุปกรณ์สำหรับวัดปริมาตรของเหลวที่บรรจุภายใน ใช้สำหรับเตรียมสารละลายที่ต้องการความเข้มข้นแน่นอน มีขีดบอกปริมาตรเพียงขีดเดียว มีจุกปิดสนิท มีหลายขนาด

http://www.labsister.com/

 1.3.2 อุปกรณ์วัดมวล
     เครื่องชั่ง เป็นอุปกรณ์สำหรับวัดมวลของสารทั้งที่เป็นของแข็งและของเหลว ความน่าเชื่อถือของค่ามวลที่วัดได้ขึ้นอยู่กับความละเอียดของเครื่องชั่งและวิธีการใช้เครื่องชั่ง ที่ใช้ในห้องปฏิบัติการเคมีโดยทั่วไปมี 2 แบบ คือ เครื่องชั่งแบบสามคานและเครื่องชั่งไฟฟ้า 


เครื่องชั่งแบบสามคาน


เครื่องชั่งไฟฟ้า
ที่มา https://www.lyreco.com/

1.3.3 เลขนัยสำคัญ
    การนับเลขนัยสำคัญ  มีหลักการดังนี้
  1. ตัวเลขที่ไม่มีเลข 0 ทั้งหมดนับเป็นเลขนัยสำคัญ
  2. 0 ที่อยู่ระหว่างตัวเลขอื่น นับเป็นเลขนัยสำคัญ
  3. 0 ที่อยู่หน้าตัวเลขอื่น ไม่นับเป็นเลขนัยสำคัญ
  4. 0 ที่อยู่อยู่หลังตัวเลขอื่นที่อยู่หลังทศนิยม นับเป็นเป็นเลขนัยสำคัญ
  5. 0 ที่อยู่หลังเลขอื่นที่ไม่มีทศนิยม อาจนับหรือไม่นับเป็นเลขนัยสำคัญก็ได้
  6. ตัวเลขที่แม่นตรงเป็นตัวเลขที่ซ้ำเข้าแน่นอนมีเลขนัยสำคัญเป็น อนันต์ 
  7. ข้อมูลที่มีค่าน้อยมากๆหรือเขียนในรูปของสัญกรณ์วิทยาศาสตร์ ตัวเลข สัมประสิทธิ์ ทุกตัวนับเป็นนัยสำคัญ
    การปัดตัวเลข  พิจารณาจากตัวเลขที่อยู่ถัดจากตำแหน่งที่ต้องการ ดังนี้
  1. กรณีที่ตัวเลขถัดจากตำแหน่งที่ต้องการมีค่าน้อยกว่า 5 ให้ตัดตัวเลขที่อยู่ถัดไปทั้งหมด
  2. กรณีที่ตัวเลขถัดจากตำแหน่งที่ต้องการมีค่ามากกว่า 5 ให้เพิ่มค่าของตัวเลขตำแหน่งสุดท้ายที่ต้องการอีก 1 
  3. กรณีที่ตัวเลขถัดจากตำแหน่งที่ต้องการมีค่าเท่ากับ 5 และมีตัวเลขอื่นที่ไม่ใช่ 0 ต่อจากเลข 5 ให้เพิ่มค่าของตัวเลขตำแหน่งสุดท้ายที่ต้องการอีก 1 
  4. กรณีที่ตัวเลขถัดจากตำแหน่งที่ต้องการมีค่าเท่ากับ 5 และไม่มีตัวเลขอื่นต่อจากเลข 5 ต้องพิจารณาตัวเลขที่อยู่ หน้าเลข 5 ดังนี้
           4.1 หากตัวเลขที่อยู่หน้าเลข 5 เป็นเลขคี่ ให้ตัวเลขดังกล่าวบวกค่าค่าเพิ่มอีก 1 แล้วตัดตัวเลขตั้งแต่ 5 ลงไปทั้งหมดออก

           4.2 หากตัวเลขที่อยู่หน้าเลข 5 เป็นเลขคู่ ให้ตัวเลขกล่าวเป็นตัวเลขเดิม แล้วตัดตัวเลขตั้งแต่ 5 ลงไปทั้งหมดออก

1.4 หน่วยวัด

1.4.1 หน่วยในระบบ SI

 หน่วย SI พื้นฐาน มี 7 หน่วย ได้แก่
  1. มวล - กิโลกรัม (kg)
  2. ความยาว - เมตร (m)
  3. เวลา - วินาที (s)
  4. อุณหภูมิ - เคลวิน (K)
  5. ปริมาณของสาร - โมล (mol)
  6. กรพแสไฟฟ้า - แอมแปร์ (A)
  7. ความเข้มแห่งการส่องสว่าง - แคนเดลลา (cd)
หน่วย SI อนุพันธ์
  1. ปริมาตร - ลูกบาศก์เมตร (m³)
  2. ความเข้มข้น - โมลต่อลูกบาศก์เมตร (mol/m³)
  3. ความหนาแน่น - กิโลกรัมต่อลูกบาศก์เมตร (kg/m³)
หน่วยนอกระบบ SI

     เช่น ปริมาตร - ลิตร  มวล - กรัม , ดอลตัน , หน่วยมวลอะตอม  ความดัน - บาร์ , มิลลิเมตรปรอท , บรรยากาศ ฯลฯ

    1.4.2 แฟกเตอร์เปลี่ยนหน่วย
    เป็นอัตราส่วนระหว่างหน่วยที่แตกต่างกัน 2 หน่วยที่มีปริมาณเท่ากัน

    วิธีการเทียบหน่วย
    ทำได้โดยการคุูณปริมาณในหน่วยเริ่มต้นด้วยแฟกเตอร์เปลี่ยนหน่วยที่มีหน่วยที่ต้องการอยู่ด้านบน ตามสมการ

ปริมาณและหน่วยที่ต้องการ = ปริมาณและหน่วยเริ่มต้น x หน่วยที่ต้องการ / หน่วยเริ่มต้น

1.5 วิธีการทางวิทยาศาสตร์

เป็นการศึกษาหาความรู้ทางวิทยาศสาตร์ที่มีแบบแผนขั้นตอน โดยภาพรวมทำได้ดังนี้
  1. การสังเกต - อาศัยประสาทสัมผัสทั้ง 5 โดยจะนำไปสู่ข้อสงสัยหรือตั้งคำถามที่ต้องการคำตอบ
  2. การตั้งสมมติฐาน - เป็นการคาดเดาคำตอบของคำถามหรือปัญหา โดยมีพื้นฐานจากการสังเกต ความรู้ หรือประสบการณ์เดิม
  3. การตรวจสอบสมมติฐาน - เป็นกระบวนการหาคำตอบของสมมติฐาน โดยมีการออกแบบการทดลองที่มีการควบคุมปัจจัยต่างๆ
  4. การรวบรวมข้อมูลและวิเคราะห์ผล - เป็นการนำข้อมูลที่ได้จากขั้นตอนทั้งหมดมารวบรวม วิเคราะห์ และอธิบายข้อเท็จจริง
  5. การสรุปผล - เป็นการสรุปความรู้หรือข้อเท็จจริงที่ได้จากการตรวจสอบสมมติฐานที่ตั้งไว้ก่อนหน้า 
ที่มา http://thn25509chem.blogspot.com/
   

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

 เฉลยแบบฝึกหัดบทที่ 3  1.  ก 2.  ก   3.  ค 4.  ง 5.  ค 6.  ก 7.  ก 8 .  ง 9 .  ค 10 .  ค 11.  ค 12.  ข 13.  ก 14.  ข 15.  ค 16.  ค 17.  ก 18...